หน้าหลัก ---> กระดานห้องศึกษาพระเครื่อง ---> สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

Total 6 Record : 1 Page : 1

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ส่งข้อความ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๕๗ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จมากระทำพิธีพุทธบูชา และถวายสังเวย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗ ที่วัดมหาธาตุนี้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ



โดย  kriang33 วันที่  
 
1.  

ส่งข้อความ
จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นเมืองโบราณ ที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าใครสร้างเมืองนี้ขึ้นเมื่อใด สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวิเคราะห์ว่า เพชรบูรณ์สร้างขึ้นมา ๒ ยุค ในแห่งเดียวกัน วัดมหาธาตุและวัดโบราณเป็นหลักฐานยืนยันว่า ยุคแรกสร้างเมื่อเมืองเหนือคือ กรุงสุโขทัย หรือ พิษณุโลกเป็นเมืองหลวง มีลำน้ำอยู่กลางเมือง กำแพงเมืองกว้างยาวด้านละ ๘๐๐ เมตร ยุคที่สอง สร้างในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีป้อมและกำแพงก่อด้วยอิฐปูนศิลา แต่เล็กและเตี้ยกว่า มีแม่น้ำอยู่กลางเมือง กำแพงเมือง ขนาดเล็กลง ตั้งอยู่ทางป่าด้านเหนือ เพื่อป้องกันศัตรู ส่วนทางด้านใต้เป็นไร่นา จากหลักฐานการค้นพบซากโบราณสถาน และจากหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ ที่ค้นพบในเมืองศรีเทพ เพชรบูรณ์ มีอายุมากกว่า ๑,๐๐๐ ปี สร้างขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกับเมืองพิมาย ลพบุรี และจันทบุรี ดังหลักฐานที่ปรากฎ เช่น ซากตัวเมืองและพระปรางค์ บริเวณที่ตั้งเมืองเป็นที่ราบ มีกำแพงดินสูงรอบเมือง และล้อมรอบด้วยคูเมือง ภายในเมืองมีพระปรางค์ ซากเทวสถาน รูปเทพารักษ์ พระนารายณ์ รูปยักษ์สลักด้วยศิลาแลง เช่นเดียวกับเมืองพิมาย ลพบุรี และจันทบุรี จึงเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเป็นฝีมือของขอมที่ได้รับอารยธรรมจากอินเดีย



โดย  kriang33 วันที่ 2016-09-03 15:48:28 
 
2.  

ส่งข้อความ
ในสมัยสุโขทัย ลายพระหัตถ์เกี่ยวกับเพชรบูรณ์ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงค์ มีความว่าเดิมจะตั้งชื่อเมืองเพชรบูรณ์ ให้ใกล้เคียงกับเพชรบุรี แปลว่า เมืองแข็ง แต่ชื่อ อาจใกล้เคียงกันมากเกินไป จึงตั้งชื่อว่าเพชรบูรณ์ สันนิษฐานว่าตั้งชื่อรุ่นเดียวกับเมืองพิษณุโลก คำว่าเพชรบูรณ์ อาจมาจาคำว่าพืช ในประเทศอินเดีย มีเมืองโบราณชื่อ BIJURE เทียบได้กับพืชปุระ ชื่อเมืองเพชรบูรณ์เขียนได้ ๒ แบบ คือ เพชรบูรณ์ และ เพชรบูร จากศิลาจารึกสมัยสุโขทัย ( หลักที่ ๕๓ ) จากวัดอโศการาม ( พ.ศ. ๑๙๔๙ ) มีข้อความอ้างอิงถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ดังนี้

"รัฐมณฑลกว้างขวาง ทั้งปราศจากอันตรายและนำมาซึ่งความรุ่งเรือง รัฐสีมาของพระราชาผู้ทรงบุญญสมภาคองค์ นั้น เป็นที่รู้จักกันอยู่ว่า ในด้านทิศตะวันออกทรงทำเมืองวัชชะปุระเป็นรัฐสีมา ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทรงทำเมืองเชียงทอง เป็น รัฐสีมา..."

จากศิลาจารึกนี้ ชื่อเมืองเพชรบูรณ์อาจจะมาจากคำว่าบุระหรือปุระ แปลว่า ป้อม หอวัง ส่วนคำว่าบูรณ์ มาจากคำว่า ปูรณ แปลว่าเต็ม นายตรี อมาตกุล อธิบายว่า เมืองเพชรบูรณ์อาจจะเป็นเมืองราดก็ได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ หลักฐานโบราณคดีชี้ชัดว่าเมืองเพชรบูรณ์ เป็นรัฐสีมาของสุโขทัย ได้แก่ พระเจดีย์ทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งพระประธานของวัดมหาธาตุของสุโขทัยและเมืองอื่นๆ ซึ่งจัดว่าเป็นพุทธสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยแท้ และในการขุดค้นทางโบราณคดีที่พระเจดีย์ทรงดอกบัวตูม ที่วัดมหาธาตุ เมืองเพชรบูรณ์ของกรมศิลปกร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ ค้นพบศิลปวัตถุจำนวนมาก เช่น เครื่องสังคโลกของไทย และเครื่องถ้วยกับตุ๊กตาจีน

 




โดย  kriang33 วันที่ 2016-09-03 15:53:41 
 
3.  

ส่งข้อความ
 ในสมัยอยุธยา กฎหมายที่ตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ว่าด้วยการเทียบศักดินาสำหรับข้าราชการที่มียศสูงสุด มีศักดินาหนึ่งหมื่น ได้แก่ฝ่ายทหาร จำนวน ๑๒ ตำแหน่ง มีพระยาเพชรรัตน์สงคราม ตำแหน่งประจำเพชรบูรณ์ด้วย สมัยสมเด็จ พระมหาจักรพรรดิ แห่งกรุงศรีอยุธยา ( สมเด็จพระมหาธรรมราชา ) ได้ทำสัมพันธไมตรีกับ พระไชยเชษฐาธิราช แห่งนครเวียงจันทน์ เพราะเกรงว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาจะยกทัพมาตี สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระไชยเชษฐาธิราช ได้ปฏิบัติตามสัญญาพันธมิตร ณ เจดีย์ศรีสองรักษ์ อีก ๕ ปีต่อมา พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง ทัพพระไชยเชษฐา ส่งกองทัพมาช่วย ทางด่านเมืองนครไทย เข้ามาทางเมืองเพชรบูรณ์ ผ่านมาทางเมืองสระบุรีเวลารบนาน ๙ เดือน จึงเสียกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ. ๒๑๐๐ สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา ที่กล่าวถึงเมืองเพชรบูรณ์ดังต่อไปนี้

พระยาละแวก เจ้าแผ่นดินเขมร ยกทหารมา ๓ หมื่นคน เข้ามาทาง เมืองนครนายก สมเด็จพระมหาธรรมราชาเกรงว่าจะตั้งรับทัพเขมรไม่ได้ เพราะถูกพระเจ้าหงสาวดี กวาดต้อนเอาทหารและอาวุธไป เมื่อกรุงแตกสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงมีบัญชา ให้ขุนเทพอรชุน จัดเตรียมเรือพระที่นั่งและเรือ ประทับเสด็จไปที่เมืองพิษณุโลก เพื่อให้พ้นศัตรูก่อน ขณะนั้นพระเพชรรัตน์ เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ มีความผิด จึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง มีข่าวลือไปถึงเมืองหลวงว่า พระเพชรรัตน์โกรธ และคิดซ่องสุมคนเพื่อดักปล้นกองทัพหลวง สมเด็จพระมหาธรรมราชาจึงไม่เสด็จไปที่พิษณุโลก และตีทัพ พระยาละแวกแตกไป ในสมัยพระมหาธรรมราชา ยังได้กล่าวถึง จังหวัดเพชรบูรณ์อีกว่า มีไทยใหญ่ที่เมืองกำแพงเพชรอพยพหนีพม่าและมอญมุ่งไปทางเมืองพิษณุโลก ทรงเกรง ว่าเป็นพวกอื่น ปลอมปนมาด้วย จึงอายัดด่านเพชรบูรณ์ เมืองนครไทย ชาติตระการและซา ไม่ให้ไทยใหญ่หนีไปได้




โดย  kriang33 วันที่ 2016-09-03 15:58:19 
 
4.  

ส่งข้อความ
ในสมัยกรุงธนบุรี พ.ศ. ๒๒๑๘ เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้นำกองทัพตีแตกทัพ อะแซหวุ่นกี้ ( พม่า ) ที่ล้อมเมืองพิษณุโลก ออกมาได้ และมาชุมนุมพักทัพที่เมืองเพชรบูรณ์



โดย  kriang33 วันที่ 2016-09-03 16:00:06 
 
5.  

ส่งข้อความ
ในสมัยรัตนโกสินทร์ จากบทความในหนังสือนิทานโบราณคดี พระนิพนธ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวถึงเมืองศรีเทพและเมืองเพชรบูรณ์ว่า ขณะที่เป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงไปสืบเมืองโบราณ และไม่มีใครรู้ว่าเมืองศรีเทพอยู่ที่ใด ได้พบสมุดดำเป็นหนังสือให้คนเชิญตราไปบอกข่าวเรื่องการสิ้นรัชกาลที่ ๒ ตามหัวเมืองสระบุรี เมืองชัยบาดาล เมืองศรีเทพและเมืองเพชรบูรณ์ สำหรับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เรื่องทรงตั้งและแปลงนามเจ้าเมือง กรมการ ซึ่งมีว่า เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ คือพระเพชรพิชัยปลัดแปลงเป็นพระเพชรพิชภูมิ หลักฐานที่ชัดเจน เป็นพระราชนิพนธ์นิทาน โบราณคดีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่องคนไข้เมืองเพชรบูรณ์ มีว่า เมืองเกิดไข้มาลาเรียระบาดอย่างร้ายแรง ที่เมืองเพชรบูรณ์ไม่มีผู้ใดอาสาไปรับราชการ ด้วยความกลัวไข้ ท่านจึงเสด็จไปตรวจราชการที่เมืองเพชรบูรณ์เองเพื่อแสดงให้เห็นว่าไข้มาลาเรียไม่ได้ร้ายแรงอย่างเช่นที่กลัวกัน

ขณะที่เตรียมตัวออกเดินทาง ก็มีคนห่วงใย มาส่งและให้พรคล้ายกับจะไปทำการรบ เมื่อเสด็จถึงเมืองเพชรบูรณ์ ทรงกล่าวว่า "ฉันไปถึงเมืองเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ท้องที่มณฑลเพชรบูรณ์ บอกแผนที่ได้ไม่ยาก ถือลำแม่น้ำป่าสัก เป็นแนวแต่เหนือลงมาใต้มีภูเขาสูงเป็นเทือกเขาลงมา ตามแนวลำน้ำทั้งสอง ฟากเทือกข้างตะวันออก เป็นเขาปันน้ำ ต่อแดน มณฑณ นครราชสีมา เทือกเขาตะวันตกเป็นเขาต่อ แดนมณฑลพิษณุโลก เทือกเขาทั้งสองข้างบางแห่งก็ห่าง บางแห่งก็ใกล้ แม่น้ำป่าสัก เมืองหล่มสักที่อยู่สุดลำน้ำทางข้างเหนือ แต่ลงมาถึงเมืองเพชรบูรณ์ตรงที่ตั้งเมืองเพชรบูรณ์ เทือกเขาเข้ามา ใกล้ลำน้ำดูเหมือนจะไม่ถึง ๔๐๐ เส้น แลเห็นต้นไม้บนภูเขาถนัดทั้ง ๒ ฝั่ง ทำเลที่เมืองเพชรบูรณ์ตอนริมน้ำเป็นที่ลุ่ม ฤดูน้ำ น้ำท่วมแทบทุกแห่ง พ้นที่ลุ่มขึ้นไปเป็นที่ราบ ทำนาได้ผลดีเพราะอาจจะขุดเหมืองชักน้ำจากห้วยเข้านาได้ เช่นเมืองลับแล พ้นที่ราบขึ้นไปเป็นโคกสลับกับแอ่งเป็นหย่อมๆไปจนถึงเชิงเขาบรรทัด บนโคกเป็นป่าเต็งรัง เพาะปลูกอะไรอย่างอื่นไม่ได้ แต่ตามแอ่งน้ำ เป็นที่น้ำซับ เพาะปลูกพันธ์ไม้ งอกงามดี เมืองเพชรบูรณ์จึงสมบูรณ์ ด้วยกสิกรรม จนถึงชาวเมืองทำนา ครั้งเดียวก็ได้ข้าวพอกินกันทั้งปี สิ่งซึ่งเป็นสินค้าเมืองเพชรบูรณ์ก็คือ ยาสูบ เพราะรสดีกว่ายาสูบที่อื่นทั้งหมดในเมืองไทย ชาวเมืองเพชรบูรณ์จึงหาผลประโยชน์ด้วยการปลูกยาสูบขาย" หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ทรงยืนยันถึงประโยชน์ของการไปครั้งนี้ว่า สามารถหาคนไปรับราชการในเมืองเพชรบูรณ์ได้ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล รวบรวมหัวเมืองต่างๆเข้าเป็นมณฑล ในปี พ.ศ. ๒๔๓๖ และในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ เมืองเพชรบูรณ์ได้ยกฐานะเป็นมณฑลเพชรบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำรงตำแหน่ง สมุหเทศบาลอำเภอหล่มสัก ยกฐานะเป็น จังหวัดหล่มสักใน พ.ศ. ๒๔๔๗ มณฑลเพชรบูรณ์ถูกยุบไป ขึ้นกับมณฑลพิษณุโลก แต่ได้รับการแต่งตั้งอีกครั้ง ในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ยุบเมืองเพชรบูรณ์ไปขึ้นกับมณฑณพิษณุโลก มีฐานะเป็นเมืองเพชรบูรณ์ตามเดิม มีการยกเลิกมณฑณต่างๆ เมื่อมีพระราชพิธีราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
 




โดย  kriang33 วันที่ 2016-09-03 16:09:30 
 
6.  

ส่งข้อความ
"นครบาลเพชรบูรณ์" ในระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ ๒ และสงครามมหาเอเชียบูรพา กรุงเทพฯ ถูกข้าศึกโจมตีจนประชาชนต้องอพยพ ออกต่างจังหวัด จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี เห็นสมควรย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะมีชัยภูมิประเทศเป็นภูเขาล้อมรอบ มีทางออกทางเดียว ศัตรูรุกรานยาก คณะรัฐมนตรี จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้ยกร่างพระราชกำหนด สร้างนครบาลขึ้นชื่อว่า "พระราชกำหนดระเบียบการบริหาร นครบาล เพชรบูรณ์ และสร้างพุทธบุรี พ.ศ. ๒๔๘๗"

การก่อสร้างเมืองหลวงใหม่ได้ดำเนินการโดยเร่งด่วน และถือเป็น ความลับของราชการ ยุทธของชาติตลอดมา เพื่อมิให้ข้าศึกรู้แผนการณ์ กระทั่งวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เสนอพระราชกำหนด ระเบียบราชการ บริหาร นครบาลเพชรบูรณ์ฯ พ.ศ. ๒๔๘๗ ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออนุมัติเป็นพระราชบัญญัติ มีผลดำเนินการอย่างถาวรตลอดไป แต่ในที่สุด สภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่อนุมัติด้วยคะแนนเสียง ๔๘ ต่อ ๓๖ ด้วยเหตุผลว่า "เพชรบูรณ์เป็นแดนกันดาร ภูมิประเทศเป็นป่าเขา และมีไข้ชุกชุม เมื่อเริ่มสร้างเมืองนั้นผู้ที่ถูกเกณฑ์ไปทำงานล้มตายลง นับเป็นพันๆคน

" อนุสรณ์นครบาลเพชรบูรณ์แห่งนี้ จึงสร้างขึ้นเพื่อรำลึก ถึงบุญคุณและอัจฉริยภาพของจอมพล ป. พิบูลสงคราม และเพื่อคน เพชรบูรณ์ จะได้ภูมิใจในประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งและความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองตน




โดย  kriang33 วันที่ 2016-09-03 16:15:23 
 

Total 6 Record : 1 Page : 1