หน้าหลัก ---> กระดาน โชว์พระเครื่อง ---> ....ผมก็แค่ช้างเผือกในป่าเมืองเพชรบูรณ์....

Total 12 Record : 1 Page : 1

ช้าง ....ผมก็แค่ช้างเผือกในป่าเมืองเพชรบูรณ์....

ส่งข้อความ





  ม่ายยยย ด้ายยยย โม้.....    

http://www.youtube.com/watch?v=IcQXbgN1TZg    




....ผมก็แค่ช้างเผือกในป่าเมืองเพชรบูรณ์....
....ผมก็แค่ช้างเผือกในป่าเมืองเพชรบูรณ์....
....ผมก็แค่ช้างเผือกในป่าเมืองเพชรบูรณ์....

โดย  ช้าง วันที่ 2012-11-26 11:51:11 
 
1.  

ส่งข้อความ




http://www.youtube.com/watch?v=x5VdA5yU9HM    






โดย  ช้าง วันที่ 2012-11-26 12:08:38 
 
2.  

ส่งข้อความ
ภูเขาดินองค์นี้ สวยมากๆ ครับ เฮีย หน้าตาองค์พระ ติดชัดเจน หล่อมากๆ ครับ หล่อเหมือนเจ้าของพระครับ  




โดย  เปี๊ยกวิเชียรบุรี วันที่ 2012-11-26 14:35:12 
 
3.  

ส่งข้อความ
มาแว้ววว....หลงป่าไปซะนานเยย




โดย  กกกะทอน222 วันที่ 2012-11-26 14:48:40 
 
4.  

ส่งข้อความ
สวยมากครับ




โดย  surasaks วันที่ 2012-11-26 15:00:56 
 
5.  

ส่งข้อความ
สวยมากครับ





โดย  เบนซ์สะเดียง วันที่ 2012-11-26 15:09:55 
 
6.  

ส่งข้อความ
                              

                              




โดย  chusak วันที่ 2012-11-26 20:28:35 
 
7.  

ส่งข้อความ
 สวยมากมาก




โดย  helikoptor วันที่ 2012-11-26 23:22:56 
 
8.  

ส่งข้อความ



  กราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาทักทายกัน...

                                                          


ฝากสำนวนไทยไว้ให้อ่านกันเล่นๆครับ

“ตาบอดคลำช้าง”

เป็นสำนวนไทย หมายถึงเรื่องๆ เดียว แต่ว่ามีคนรู้กันหลายคน โดยแต่ละคนนั้นรู้กันคนละด้าน หรือรู้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่อง เมื่อมาพบพูดคุยกันเข้าก็กลายเป็นวิวาทกันไป เพราะต่างคนก็ต่างยืนยันว่าสิ่งที่ตนเองรู้เห็นเท่านั้นเป็นจริงที่สุด ของคนอื่นนั้นไม่ใช่ไม่ถูกต้อง ถามว่า เรื่องอย่างนี้มีปฐมเหตุที่ไหน ? ตอบว่า มีอยู่ในพระไตรปิฎกครับ

 ในปัจจุบันเราจะเป็นว่ามีกรณี “ตาบอดคลำช้าง” อยู่มากมาย และแต่ละคนที่ถกเถียงกันนั้นก็ยืนยันนอนยันว่าตนเองรู้จริงเห็นจริง ซึ่งก็เห็นจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าเห็นจริงเพียงด้านเดียว ความจริงของด้านนี้จึงเป็นเฉพาะด้าน ไม่ใช่ความจริงของอีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ในเรื่องเดียวกัน ในเกสปุตติสูตร
พระพุทธองค์ตรัสหลักการในการตัดสินในสิ่งที่ควรเชื่อไว้ ๑๐ ประการคือ


. อย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา (นิทาน)

. อย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา (เรื่องปรัมปรา)

. อย่าได้เชื่อถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินมาอย่างนี้ (ถือมงคลตื่นข่าว)

. อย่าได้เชื่อถือโดยการอ้างตำรา (มีคนมากมายชอบอ้างตำรา และก็ปรากฏว่าตำราว่าไว้ผิดหรือพิมพ์ผิดก็มี)

. อย่าได้เชื่อถือโดยการเดาเอาเอง (การเดาหรือพยากรณ์นั้น ไม่สามารถจะบอกสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์)

. อย่าได้เชื่อถือโดยการคาดคะเน (การคาดคะเนหรือการคาดหมาย โดยอาศัยเหตุปัจจัยหรือทฤษฎีต่างๆ มากำหนด ซึ่งมีความผิดพลาดอยู่มาก)

. อย่าได้เชื่อถือโดยความตรึกเอาตามอาการ (คือวัดอาการแล้วคาดคะเนเอา แบบหมอจับอาการคนไข้)

. อย่าได้เชื่อถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฏฐิของตัว (คือเข้ากันได้กับความเห็นของตนเอง หรือตรงกับที่ตนเองคิดไว้ก่อน)

. อย่าได้เชื่อถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ (เพราะมีบ่อยไปที่คนที่น่าเชื่อกลับพูดผิดอย่างไม่น่าเชื่อ)

๑๐
. อย่าได้เชื่อถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา (คือการเชื่อครู เมื่อเห็นว่าเป็นครูก็เชื่อมั่นว่าต้องถูก แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ครูที่สอนผิดๆ ก็มีเยอะ)







โดย  ช้าง วันที่ 2012-11-27 08:32:24 
 
9.  

ส่งข้อความ
เยี่ยมมากๆเลยคร๊าฟฟฟ....ลุงซ่างสุดหล่อ





โดย  น้ำแตงโม วันที่ 2012-11-27 08:43:42 
 
10.  

ส่งข้อความ
พระสวยมากครับกับธรรมะดีๆ เยี่ยมมากครับเฮีย




โดย  LA.หล่มสัก วันที่ 2012-11-27 11:49:37 
 
11.  

ส่งข้อความ
 




โดย  kobnayom วันที่ 2012-11-27 17:33:51 
 
12.  

ส่งข้อความ

สวยมากๆครับเฮีย อิอิ






โดย  ออย พี พี วันที่ 2012-11-28 14:43:51 
 

Total 12 Record : 1 Page : 1